Anukul Traffic

สีจราจรสะท้อนแสง ต่างกับสีปกติอย่างไร?

การจราจรบนท้องถนนในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นถนนในเมืองใหญ่ ทางด่วน มอเตอร์เวย์ หรือถนนสายรอง ล้วนต้องอาศัยระบบการสื่อสารด้วยเครื่องหมายจราจรที่ชัดเจนและปลอดภัย หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้การจราจรเป็นระเบียบและลดอุบัติเหตุคือ “สีจราจร” ที่ถูกนำมาใช้ทาเป็นเส้นแบ่งช่องจราจร ลูกศรสัญลักษณ์ พื้นที่ห้ามจอด รวมถึงสัญลักษณ์บนพื้นถนนต่าง ๆ แต่สีที่ใช้ในการตีเส้นจราจรบนถนนไม่ได้เหมือนกับสีทั่วไป เพราะต้องทนทานต่อสภาพอากาศ แรงกดทับจากยานพาหนะ และยังต้องมองเห็นได้ชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะในสภาวะแสงน้อยหรือฝนตก ซึ่งเป็นที่มาของการใช้สีจราจรสะท้อนแสงที่มีคุณสมบัติพิเศษเหนือกว่าสีปกติทั่วไป

บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า สีจราจรสะท้อนแสงต่างจากสีปกติอย่างไร มีข้อดี ข้อจำกัด วิธีการทำงาน ตลอดจนความสำคัญต่อความปลอดภัยในการใช้ถนน

สีเส้นจราจรเรืองแสง

สีจราจรสะท้อนแสง เป็นอย่างไร?

สีจราจรสะท้อนแสง คือ สีที่ใช้ในการตีเส้นถนนหรือสัญลักษณ์จราจรบนพื้นทาง ซึ่งมีการผสมเม็ดบีดแก้ว (Glass Beads) หรือวัสดุสะท้อนแสงพิเศษ ทำให้เมื่อมีแสงจากไฟหน้ารถหรือแหล่งกำเนิดแสงอื่น ๆ ส่องมากระทบ จะสะท้อนกลับไปยังสายตาผู้ขับขี่ทันที ช่วยให้เส้นแบ่งเลนหรือสัญลักษณ์ต่าง ๆมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืนหรือสภาพอากาศที่ทัศนวิสัยต่ำ

ต่างจาก สีปกติที่ไม่มีคุณสมบัติสะท้อนแสง หากทาบนพื้นถนนจะเห็นได้ชัดเจนเพียงตอนกลางวันหรือในที่มีแสงสว่างเพียงพอ แต่เมื่อถึงเวลากลางคืนหรือเกิดฝนตกหนัก เส้นสีเหล่านั้นอาจจางหายไปจากสายตา ทำให้ผู้ขับขี่เกิดความสับสนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

ส่วนประกอบหลักของสีจราจรสะท้อนแสง

เพื่อให้เข้าใจความแตกต่างจากสีทั่วไป จำเป็นต้องรู้ว่าสีจราจรสะท้อนแสงถูกออกแบบขึ้นจากหลายองค์ประกอบที่ทำงานร่วมกัน เพื่อให้ได้ทั้งความทนทาน ความชัดเจน และคุณสมบัติการสะท้อนแสงที่โดดเด่น โดยองค์ประกอบหลัก ได้แก่

1. สารยึดเกาะ (Binder)

สารยึดเกาะถือเป็นโครงสร้างหลักที่ทำให้เนื้อสีทั้งหมดเกาะติดกับพื้นผิวถนนได้อย่างแน่นหนา และทนต่อแรงกดทับจากยานพาหนะ รวมถึงสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น แดดจัด ฝนตกหนัก หรือความชื้นสูง ปัจจุบันนิยมใช้หลายชนิด เช่น

  • เทอร์โมพลาสติก (Thermoplastic Binder) ที่มีความทนทานสูง อายุการใช้งานยาวนาน เหมาะกับเส้นจราจรหลักหรือพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น
  • อะคริลิกและอีพ็อกซี (Acrylic/Epoxy Binder) ที่แม้จะมีอายุการใช้งานสั้นกว่า แต่มีข้อดีคือแห้งเร็ว ตีเส้นได้สะดวก และยืดหยุ่นในการใช้งาน

2. รงควัตถุ (Pigments)

รงควัตถุมีหน้าที่กำหนดสีของเส้นจราจรให้ตรงตามมาตรฐานที่หน่วยงานกำหนด เช่น สีขาว สีเหลือง สีแดง หรือสีน้ำเงิน โดยนอกจากความสวยงามแล้ว ยังต้องคงทนต่อการซีดจางจากแสงแดดและการขัดสีจากยางรถยนต์ รงควัตถุคุณภาพสูงจึงช่วยรักษาความชัดเจนของเส้นจราจรให้นานยิ่งขึ้น

3. สารเติมแต่ง (Additives)

สารเติมแต่งถูกเพิ่มเข้าไปเพื่อเสริมคุณสมบัติของสีให้ดียิ่งขึ้น เช่น

  • สารป้องกันรังสียูวี (UV Stabilizers) ป้องกันไม่ให้เส้นสีซีดจางเร็วจนเกินไป
  • สารเพิ่มการยึดเกาะ ทำให้สีติดกับผิวถนนได้ดีกว่า ลดโอกาสการหลุดร่อน
  • สารควบคุมความหนืด เพื่อให้การตีเส้นสม่ำเสมอและได้ความหนาที่เหมาะสม

4. เม็ดบีดแก้ว (Glass Beads)

นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้สีจราจรสะท้อนแสงแตกต่างจากสีทั่วไป เม็ดบีดแก้วใสขนาดเล็กจะถูกโปรยลงบนพื้นผิวของเส้นสีขณะตีเส้น หรือถูกผสมเข้าไปในเนื้อสีโดยตรง เมื่อมีแสงไฟจากรถยนต์ตกกระทบ เม็ดบีดแก้วจะสะท้อนกลับไปยังผู้ขับขี่ในลักษณะ Retroreflection ส่งผลให้เส้นจราจรดูสว่าง ชัดเจน และปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนหรือขณะฝนตกที่ทัศนวิสัยต่ำ

กลไกการสะท้อนแสง สิ่งที่ทำให้สีจราจรสะท้อนแสงแตกต่างจากสีปกติ

สิ่งที่ทำให้สีจราจรสะท้อนแสงมีคุณสมบัติพิเศษกว่าสีปกติทั่วไป คือ กลไกการสะท้อนแสงจากเม็ดบีดแก้ว (Glass Beads) ที่ถูกโปรยหรือผสมลงในเนื้อสี เม็ดบีดแก้วเหล่านี้มีลักษณะเป็นทรงกลมใส ทำหน้าที่เหมือนเลนส์ขนาดเล็กนับพันนับหมื่นเม็ดที่เคลือบอยู่บนผิวถนน

เมื่อ แสงไฟจากไฟหน้ารถยนต์ตกกระทบเม็ดบีดแก้ว แสงจะเกิดการหักเหเข้าสู่ด้านในของเม็ดแก้ว และสะท้อนกลับออกไปในทิศทางใกล้เคียงกับทิศทางที่แสงเดินทางเข้ามา กลไกนี้เรียกว่า Retroreflection ซึ่งต่างจากการสะท้อนปกติที่มักกระจายออกไปหลายทิศทาง ผลลัพธ์คือ ผู้ขับขี่จะมองเห็นเส้นจราจรเรืองแสงกลับมาที่สายตาอย่างชัดเจน ทำให้เส้นถนนโดดเด่น แม้ในสภาพแวดล้อมที่ทัศนวิสัยต่ำ เช่น กลางคืน ฝนตก หรือถนนเปียก จึงเหมาะกับการตีเส้นจราจรในพื้นที่เสี่ยงเป็นอย่างมาก

ตรงกันข้ามกับ สีจราจรแบบปกติ ที่ไม่มีเม็ดบีดแก้ว เมื่อแสงไฟหน้ารถตกกระทบลงบนผิวถนน แสงจะสะท้อนแบบกระจาย (Diffuse Reflection) ออกไปในทิศทางต่าง ๆ โดยไม่ได้สะท้อนกลับเข้าสู่สายตาของผู้ขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้เส้นจราจรไม่สว่างชัดในความมืด ต้องอาศัยแสงส่องสว่างจากภายนอกเพิ่มเติม เช่น ไฟถนน

ตีเส้นจราจรสะท้อนแสงในพื้นที่เสี่ยง

ความแตกต่างระหว่างสีจราจรสะท้อนแสงกับสีปกติ

ประเด็นเปรียบเทียบ

สีปกติ

สีจราจรสะท้อนแสง

คุณสมบัติพื้นฐาน

ใช้ทาเป็นเส้นหรือสัญลักษณ์บนถนน

มีคุณสมบัติสะท้อนแสง มองเห็นชัดในที่มืด

ความปลอดภัย

มองเห็นชัดเฉพาะกลางวัน

เพิ่มความปลอดภัยทั้งกลางวันและกลางคืน

การใช้งาน

เหมาะกับพื้นที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ

เหมาะกับถนนสายหลัก ทางหลวง ทางด่วน พื้นที่เสี่ยงอุบัติเหตุ

ต้นทุน

ราคาถูกกว่า

ราคาสูงกว่า เพราะมีเม็ดบีดแก้วและเทคโนโลยีสะท้อนแสง

อายุการใช้งาน

ค่อนข้างสั้น อาจซีดเร็ว

ทนทานต่อการสึกหรอและสภาพอากาศมากกว่า

มาตรฐานการใช้งาน

ใช้ได้เฉพาะบางพื้นที่

เป็นมาตรฐานสากลสำหรับถนนสายสำคั

ทำไมต้องใช้สีจราจรสะท้อนแสง?

1. เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่กลางคืน

การขับรถในเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง เนื่องจากทัศนวิสัยจำกัด แสงไฟจากไฟหน้ารถไม่สามารถครอบคลุมพื้นที่ถนนได้ทั้งหมด หากเส้นจราจรไม่ชัดเจน ผู้ขับขี่อาจเกิดความสับสนหรือขับรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่รู้ตัว สีจราจรสะท้อนแสงถูกออกแบบมาเพื่อให้เส้นถนนสามารถสะท้อนกลับไปยังสายตาของผู้ขับเมื่อถูกไฟหน้ารถส่อง ทำให้ผู้ขับมองเห็นแนวถนนชัดเจนยิ่งขึ้น จึงช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ช่วยลดอุบัติเหตุในสภาพอากาศไม่ปกติ

ในสถานการณ์ที่ถนนมีความท้าทาย เช่น ฝนตกหนัก ถนนเปียกชื้น หรือมีหมอกลงจัด ทัศนวิสัยของผู้ขับจะลดลงอย่างมาก การใช้สีจราจรแบบธรรมดามักเลือนหายไปกับแสงสะท้อนของพื้นถนนที่เปียกน้ำ แต่สีจราจรสะท้อนแสงยังคงทำงานได้ดี เพราะเม็ดบีดแก้วหรือวัสดุสะท้อนแสงที่ผสมอยู่จะสะท้อนแสงไฟกลับไปที่ผู้ขับ ทำให้เส้นทางยังคงชัดเจน และลดความเสี่ยงในการชนท้ายหรือเบี่ยงเลนโดยไม่ตั้งใจ

ตีเส้นจราจรในที่มืด

3. สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

หลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย กำหนดให้ถนนสายหลัก ถนนหลวง หรือถนนที่มีการจราจรหนาแน่น ต้องใช้สีจราจรสะท้อนแสงเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ข้อบังคับนี้ไม่ใช่เพียงเรื่องของมาตรฐานด้านวิศวกรรมจราจร แต่ยังเป็นมาตรการด้านความปลอดภัยสาธารณะที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถใช้ถนนร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การใช้สีที่ผ่านมาตรฐานยังช่วยให้ประเทศไทยสอดคล้องกับมาตรฐานสากล และรองรับการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในอนาคต

4. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้ถนน

เส้นแบ่งเลนที่ชัดเจนช่วยสร้างระเบียบในการใช้ถนน ทำให้ผู้ขับสามารถรักษาตำแหน่งรถได้ถูกต้อง ลดการเบียดเส้นหรือเปลี่ยนเลนอย่างกะทันหัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุบนท้องถนน การมีเส้นจราจรที่สะท้อนแสงได้ดีทำให้ผู้ขับทุกคนใช้ถนนร่วมกันอย่างเป็นระบบ ส่งผลให้การจราจรไหลลื่นมากขึ้น ลดความเครียดในการขับขี่ และยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ถนน โดยเฉพาะเส้นทางระหว่างเมืองหรือถนนความเร็วสูง

การใช้งานจริงของสีจราจรสะท้อนแสง

เส้นแบ่งช่องจราจร

เส้นแบ่งช่องจราจรถือเป็นการใช้งานพื้นฐานที่สุดของสีจราจรสะท้อนแสง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทึบที่บ่งบอกว่าห้ามแซงหรือห้ามเปลี่ยนเลน และเส้นประที่อนุญาตให้เปลี่ยนเลนได้ตามความเหมาะสม สีสะท้อนแสงทำให้เส้นเหล่านี้มองเห็นได้ชัดเจนทั้งกลางวันและกลางคืน จึงช่วยให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถให้อยู่ในเลนที่ถูกต้อง ลดการเบียดหรือการวิ่งตัดเลนโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุบนถนน

สัญลักษณ์บนพื้นทาง

นอกจากเส้นแบ่งเลนแล้ว สีจราจรสะท้อนแสงยังถูกใช้สร้างสัญลักษณ์สำคัญบนถนน เช่น ลูกศรบอกทิศทาง แถบหยุดรถ (Stop Line) ที่ทางแยก หรือสัญลักษณ์จักรยานบนเลนจักรยานโดยเฉพาะ ความคมชัดของสัญลักษณ์เหล่านี้ช่วยให้ผู้ขับขี่เข้าใจเจตนาการจัดการจราจรได้ทันที แม้จะขับด้วยความเร็วสูงหรืออยู่ในสภาพแสงน้อย ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวบนถนนมีระเบียบมากขึ้น

พื้นที่เตือนอันตราย

บริเวณที่มีความเสี่ยงสูง เช่น พื้นที่ชะลอความเร็ว ทางม้าลาย หน้าสถานศึกษา หรือใกล้ทางแยก มักใช้สีสะท้อนแสงร่วมกับลวดลายบนถนน เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ขับขี่โดยตรง เส้นและสัญลักษณ์ที่สะท้อนกลับจากไฟหน้ารถช่วยกระตุ้นให้ผู้ขับตัดสินใจลดความเร็วหรือเพิ่มความระมัดระวังในทันที จึงเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันอุบัติเหตุ โดยเฉพาะกับคนเดินถนนและนักเรียนที่ใช้ทางม้าลาย

ถนนพิเศษและทางด่วน

บนถนนพิเศษหรือทางด่วนที่มักมีความเร็วสูง การมองเห็นเส้นทางที่ชัดเจนถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะผู้ขับต้องใช้เวลาในการตัดสินใจน้อยลง เส้นจราจรที่เป็นสีสะท้อนแสงช่วยให้ผู้ขับแยกเลนได้ง่าย แม้ในสภาพแสงน้อยหรือขับขี่ด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเครียดและความกังวลในการขับรถระยะทางไกล ทำให้ผู้ขับมั่นใจมากขึ้นว่ากำลังอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง

เส้นสะท้อนแสงบนถนน

สีจราจรสะท้อนแสง เพิ่มความปลอดภัยให้ท้องถนน

สีจราจรสะท้อนแสงมีความแตกต่างจากสีปกติอย่างเห็นได้ชัด เพราะสามารถมองเห็นได้ชัดทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยคุณสมบัติการสะท้อนแสงจากเม็ดบีดแก้ว (Retroreflection) ที่ช่วยสะท้อนแสงไฟหน้ารถกลับสู่สายตาผู้ขับขี่โดยตรง จึงเพิ่มความปลอดภัย ลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ และมีความทนทานต่อการใช้งานยาวนานกว่า แม้มีต้นทุนสูงกว่าสีทั่วไป แต่คุ้มค่าในด้านความปลอดภัยและมาตรฐานการจราจร หากองค์กรหรือหน่วยงานต้องการใช้งาน ควรเลือกผู้เชี่ยวชาญอย่าง อนุกูล ทราฟฟิก ที่มีบริการตีเส้นจราจรและอุปกรณ์สะท้อนแสงครบวงจรได้มาตรฐาน และมั่นใจในคุณภาพงาน

คำถามที่พบบ่อย

สีจราจรสะท้อนแสงคือสีที่ผสมเม็ดบีดแก้วหรือวัสดุสะท้อนแสงพิเศษ ทำให้เส้นแบ่งเลนและสัญลักษณ์จราจรมองเห็นได้ชัดทั้งกลางวันและกลางคืน เพิ่มความปลอดภัย ลดความสับสนในการขับขี่ และช่วยป้องกันอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในสภาพทัศนวิสัยต่ำ เช่น กลางคืน ฝนตก หรือถนนเปียก

สีสะท้อนแสงมองเห็นชัดในที่มืดเพราะสะท้อนแสงไฟรถโดยตรง ขณะที่สีปกติมองเห็นได้ชัดเฉพาะตอนกลางวันหรือที่มีแสงเพียงพอ สีสะท้อนแสงยังทนทานต่อแรงกดทับและสภาพอากาศ ส่วนสีปกติอายุการใช้งานสั้นและซีดง่าย

เม็ดบีดแก้วเป็นทรงกลมใสที่ทำหน้าที่เหมือนเลนส์ขนาดเล็ก เมื่อแสงไฟรถตกกระทบ แสงจะหักเหเข้าสู่ด้านในแล้วสะท้อนกลับมาที่สายตาผู้ขับ (Retroreflection) ทำให้เส้นจราจรโดดเด่นชัดเจน ต่างจากสีปกติที่แสงกระจายออกไปหลายทิศทาง

ใช่ สีสะท้อนแสงช่วยให้ผู้ขับเห็นเส้นแบ่งเลนและสัญลักษณ์ชัดเจน แม้ในกลางคืน ฝนตก หรือหมอกจัด ทำให้ขับรถอยู่ในเลนที่ถูกต้อง ลดความสับสน การเบี่ยงเลนผิดพลาด และช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ

ควรเลือกผู้เชี่ยวชาญที่มีอุปกรณ์ครบวงจรและใช้สีจราจรสะท้อนแสงได้มาตรฐาน เช่น อนุกูล ทราฟฟิก เพื่อให้เส้นจราจรชัดเจน ทนทานต่อการใช้งาน และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

บทความล่าสุดของเรา

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า